หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

มาตรฐาน ISO 26000 บทที่ 5 (ตอนที่ 26 หัวข้อกำหนด 6.4,3-6.4.5 - การปฏิบัติด้านแรงงานประเด็นที่ 1-3)

บทที่ 5
การอธิบายความหมาย และรายละเอียดของมาตรฐาน ISO 26000 ฉบับ FDIS (Explanation of ISO/SR 26000; Final Draft International Standard)
ตอนที่ 26: หัวข้อกำหนด 6.4.3-6.4.5 - การปฏิบัติด้านแรงงาน ประเด็นที่ 1-3 
6.4.3 Labor practices issue 1: Employment and employment relationships
6.4.3.1 Description of the issues
The significance of employment for human development is universally accepted. As an employers, an organization contributes to one of the most widely accepted objectives of society, namely the improvement of standards of living through full and secure employment and decent work.
Every country provides a legal framework that regulates the relationship between employers and employees. Although the precise tests and criteria to determine whether an employment relationship exists vary from one country to another, the fact that the power of the contracting parties is not equal and that employees therefore require additional protection is universally accepted, and forms the basis for labor law.
The employment relationships confer rights and impose obligations on both employers and employees in the interest of both the organization and society.
Not all work is performed within an employment relationship. Work and services are also performed by men and women who are self-employed; in these situations the parties are considered independent of each other and have a more equal and commercial relationship. The distinction between employment and commercial relationships is not always clear and is sometimes wrongly labeled, with the consequence that workers do not always receive the protections and rights that they are supposed to receive. It is important for both society and the individual performing work that the appropriate legal and institutional framework be recognized and applied. Whether work is performed under an employment contract or under a commercial contract, all parties to a contract are entitled to understand their rights and responsibilities and to have appropriate recourse in the event that the terms of the contract are not respected [56].
In this context labor is understood to be work performed for compensation and does not include activities undertaken by genuine volunteers. However, organizations should adopt policies and measures to address their legal liability and duty of care concerning volunteers.
6.4.3.2 Related actions and/or expectations
An organization should:
- be confident that all work is performed by women and men who are legally recognized as employees or who are legally recognized as being self-employed;
- not seek to avoid the obligation that law places on the employer by disguising relationships that would otherwise be recognized as an employment relationship under law;
- recognize the importance of secure employment to both the individual worker and to society: use active workforce planning to avoid the use of work performed on a casual basis or the excessive use of work performed on a temporary basis, except where the nature of the work is genuinely short term or seasonal;
- provide reasonable notice, timely information and, jointly with worker representatives where they exist, consider how to mitigate adverse impacts to the greatest possible extent when considering changes in its operations, such as closures that affect employment; [107] [108]
- ensure equal opportunities for all workers and not discriminate either directly or indirectly in any labor practices;
- eliminate any arbitrary or discriminatory dismissal practices [107] [108];
- protect personal data and privacy of workers l52]
- take steps to ensure that work is contracted or sub-contracted only to organizations that are legally recognized or are otherwise able and willing to assume the responsibilities of an employer and to provide decent working conditions. An organization should not use labor intermediaries who are not legally recognized and where other arrangements for the performance of work confer legal rights on those performing the work [95] [96]. Home workers should not be treated worse than other wage earners [68].
- not benefit from unfair, exploitative or abusive labor practices of its partners, suppliers or sub-contractors, including home workers. An organization should make reasonable efforts to encourage organizations in its sphere of influence to follow responsible labor practices, recognizing that a high level of influence is likely to correspond to a high level of responsibility to exercise that influence. Depending upon the situation and influence, reasonable efforts could include establishing contractual obligations on suppliers and subcontractors; making unannounced visits and inspections; and exercising due diligence in supervising contractors and intermediaries. Where suppliers and subcontractors are expected to comply with a code of labor practice, the code should be consistent with the Universal Declaration of Human Rights and the principles underlying applicable ILO labor standards (see 5.2.3 for additional information about responsibilities in the sphere of influence); and
- where operating internationally, endeavour to increase the employment, occupational development, promotion and advancement of nationals of the host country. This includes sourcing and distributing through local enterprises where practicable [74].
อธิบาย
6.4.3 การปฏิบัติด้านแรงงานประเด็นที่ 1: การจ้างงาน และความสัมพันธ์ในการจ้างงาน
6.4.3.1 คำอธิบายสำหรับประเด็นนี้
        ผลลัพธ์หรือระดับนัยสำคัญของการจ้างงาน ซึ่งแสดงความเกี่ยวข้องกับการพัฒนามนุษย์อยู่โดยตรงนั้น ล้วนปรากฏเป็นเรื่องสากลที่ถูกยอมรับและนับถือรายละเอียดของการปฏิบัติกันโดยทั่วไป เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นนายจ้าง หรือองค์การแห่งใดก็ตาม จึงควรทำการสนับสนุนในรายละเอียดอย่างใดอย่างหนึ่งเหล่านั้น โดยต้องมีการยอมรับผลอย่างกว้างขวางว่า มีสภาพที่ปรากฏออกมาเป็นวัตถุประสงค์ของสังคม กล่าวคือ เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์เพื่อมุ่งเน้นการปรับปรุงมาตรฐานสำหรับการดำรงชีพให้เกิดขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ และยังถือเป็นเรื่องของความมั่นคงด้านการจ้างงานที่มีความเหมาะสมได้อีกประการหนึ่งอยู่ร่วมด้วย
        โดยทั่วไปแล้วประเทศทุกประเทศ จะกำหนดกรอบของการปฏิบัติทางกฎหมาย ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้าง และลูกจ้างให้เกิดเป็นผลที่ดีขึ้นมาได้ตามลำดับ และถึงแม้ว่า จะมีการกำหนดแนวทางการของตรวจสอบที่ชัดเจนขึ้นมาร่วมด้วย รวมไปถึงกฎเกณฑ์ในลักษณะต่างๆ เพื่อระบุถึงระดับความสัมพันธ์ของการจ้างงานเหล่านั้น ก็ค่อนข้างจะมีความหมายที่แตกต่างกันออกไปจากประเทศหนึ่ง และสู่อีกประเทศหนึ่ง เป็นต้น แต่ลักษณะความเป็นจริงที่พบเห็นกันโดยทั่วไปก็คือ อำนาจของส่วนต่างๆ ที่ตกอยู่ภายใต้การมีสัญญาหรือข้อกำหนดร่วมกันเช่นนั้น ล้วนจะได้รับผลหรือระดับที่เกิดขึ้นอย่างไม่เท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นรายละเอียดที่ชัดเจนของสิ่งนี้ก็คือ สภาพของลูกจ้างเกือบทุกประเภท ล้วนจำเป็นต้องได้รับการปกป้องคุมครองเพิ่มเติมขึ้นมา และจะถือว่า เป็นเรื่องที่ถูกยอมรับนับถือกันเป็นสากลโดยทั่วไป และในที่สุดจึงปรากฏผลออกมาเป็นรายละเอียดพื้นฐานของกฎหมายแรงงาน หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานอยู่เป็นส่วนใหญ่
        ลักษณะความสัมพันธ์ของการจ้างงานดังกล่าว ส่วนใหญ่ได้ให้สิทธิ และการแสดงผลของความผูกมัด เพื่อต้องการให้ปรากฏออกมาเป็นรายละเอียดของข้อบังคับที่ถูกกำหนดขึ้นมาทั้งในส่วนนายจ้าง และลูกจ้าง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทั้งในระดับองค์การ และสังคมอยู่โดยตรง
        โดยทั่วไปอาจกล่าวเสริมขึ้นมาได้อีกประการหนึ่งว่า ไม่ใช่งานทุกประเภทที่ถูกกระทำขึ้นมาในแต่ละครั้งเช่นนั้น จะปรากฏรายละเอียดตกอยู่ภายใต้ขอบเขตในเรื่องความสัมพันธ์ร่วมกันของการจ้างงานดังกล่าว โดยเฉพาะงานที่ต้องปฏิบัติหรือมีสภาพเป็นงานบริการ โดยอาศัยผู้ชาย หรือผู้หญิงเข้ามากระทำหน้าที่สำหรับการจ้างงาน หรือเมื่อถูกปฏิบัติขึ้นมาได้ด้วยสภาพของตนเองอยู่เป็นส่วนใหญ่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ในทุกภาคส่วนที่มีความเกี่ยวข้อง จะถูกพิจารณาขึ้นมาเป็นอิสระจากส่วนอื่นๆ แทบทั้งหมด และยังปรากฏออกมาในลักษณะที่เป็นผลที่มีความเท่าเทียมกัน หรือเป็นความสัมพันธ์ทางการค้าเกิดขึ้นมาอีกร่วมด้วย ส่วนรายละเอียดที่มีความแตกต่างกันระหว่างความสัมพันธ์ที่ปรากฏเป็นลักษณะของการจ้างงานและทางการค้านั้น ส่วนใหญ่ยังไม่มีความหมายที่ถูกอธิบายแสดงออกมาให้เห็นได้อย่างเด่นชัดมากนัก และบางครั้งอีกเช่นกันก็มีการนำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะที่ผิดความหมายออกไปได้อีกด้วย และทำให้ผลที่เกิดขึ้นสืบเนื่องติดตามมาก็คือ ล้วนส่งเสริมทำให้คนงานส่วนใหญ่ จะไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองในรายละเอียดของสิทธิบางประการ ซึ่งตามปรกติแล้วคาดว่าจะได้รับรายละเอียดของสิทธิเหล่านั้นขึ้นมาตามลำดับ เพราะฉะนั้นจึงปรากฏเป็นเรื่องของความสำคัญทั้งในระดับสังคมและรายบุคคล ที่ได้กระทำงานเกี่ยวข้องอยู่โดยตรงเช่นนั้น จำเป็นต้องแสดงความเหมาะสมให้มีความสอดคล้องเป็นไปตรงตามกรอบของการปฏิบัติทางกฎหมาย และระดับสถาบัน จึงจะถือว่า สมควรเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้หรือสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้ในทางปฏิบัติต่อไปตามลำดับ นอกจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติงานประเภทใดขึ้นมาภายใต้ลักษณะของการจ้างงานที่เป็นสัญญา หรือเมื่ออยู่ภายใต้สัญญาทางการค้าที่ถูกจัดทำขึ้นมาในลักษณะเช่นใดก็ตาม ในทุกภาคส่วนที่มีการทำสัญญาร่วมกันอย่างเป็นทางการในเรื่องของการจ้างงานดังกล่าว จึงสมควรมีความเข้าใจในรายละเอียดของสิทธิและระดับความรับผิดชอบในลักษณะต่างๆ และรวมไปถึงยังสามารถใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นๆ อีกร่วมด้วย โดยเฉพาะเมื่อรายละเอียดภายในสัญญาเช่นนั้น ต่างมีผลที่ไม่ถูกยอมรับ หรือไม่ได้รับการแสดงความเคารพนับถือต่อการปฏิบัติงานอีกต่อไป [56]
        เมื่ออยู่ภายใต้ความหมายของบริบทเช่นนี้ แรงงานจึงจัดถือได้ว่า มีลักษณะเป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องมีความเข้าใจปรากฏเป็นพื้นฐานเกี่ยวข้องกับงานที่จะต้องปฏิบัติก็คือ การมุ่งหวังผลประโยชน์ที่ต้องการได้รับเป็นสิ่งชดเชย หรือเมื่อปรากฏเป็นผลตอบแทนออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน แต่ทั้งนี้จะต้องไม่ครอบคลุมรายละเอียดเมื่อรวมไปถึงกิจกรรมประเภทต่างๆ ที่ถูกดำเนินการเป็นผลขึ้นมาจากความสมัครใจที่ต้องการกระทำเช่นนั้นขึ้นมาอยู่เป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามนโยบายและมาตรการต่างๆ ซึ่งองค์การกำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้วเช่นนั้น จึงควรจัดถือเป็นเรื่องของการยอมรับ ทั้งนี้เพื่อต้องการก่อให้เกิดการปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไป และยังสามารถช่วยเติมเต็มขึ้นมาสำหรับรายละเอียดที่ปรากฏเป็นข้อผูกมัดบางประการได้อย่างเหมาะสมอีกประการหนึ่งด้วย เช่น การแสดงผลความรับผิดชอบทางกฎหมายหรือเมื่อปรากฏผลออกมาเป็นอาชญากรรม และรวมไปถึงหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน ซึ่งจำเป็นต้องถูกนำมาพิจารณานึกถึงอยู่ร่วมด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับความสมัครใจจากการทำงานเช่นนั้นเกิดขึ้นมาในแต่ละครั้ง
 
6.4.3.2 วิธีปฏิบัติ และ/ หรือความคาดหวังที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้
          องค์การควรปฏิบัติ ดังนี้
        - มีความเชื่อมั่นว่า ทุกลักษณะงานที่ถูกปฏิบัติหรือกระทำขึ้นมา โดยอาศัยผู้หญิงและผู้ชายก็ตามในแต่ละครั้งเช่นนั้น ได้ถูกยอมรับสภาพของความเป็นลูกจ้างทางกฎหมาย หรือเมื่อการถูกยอมรับทางกฎหมายครั้งนั้น อาจปรากฏให้เห็นออกมาในลักษณะของเป็นการจ้างงานที่กระทำด้วยสภาพของตนเองก็ได้อีกเช่นกัน
        - ต้องไม่ทำการเสาะแสวงหรือค้นหาแนวทางประการต่างๆ ขึ้นมา เพื่อมุ่งหวังผลในเรื่องของการหลีกเลี่ยงการผูกมัดตนเองเข้ากับกฎหมายที่กำหนดไว้สำหรับนายจ้าง โดยอาศัยการกลบเกลื่อนหรือทำการบิดเบือนความสัมพันธ์เช่นนั้น ให้มีความแตกต่างออกไปจากที่กำหนดไว้ ซึ่งในที่สุดจะปรากฏผลออกมาให้เห็นเป็นเรื่องที่สามารถยอมรับขึ้นมาได้ สำหรับการแสดงความสัมพันธ์ของการจ้างงานที่มีรายละเอียดเป็นไปตรงตามขอบเขตของการปฏิบัติทางกฎหมายครั้งนั้นทุกประการ
        - ควรมีการยอมรับถึงความสำคัญในเรื่องความมั่นคงของการจ้างงาน ทั้งในระดับคนงานที่เป็นรายบุคคล และครอบคลุมไปถึงในระดับสังคมเมื่ออยู่รวมกันทั้งหมด โดยเฉพาะควรมีการใช้ประโยชน์จากการวางแผนด้านแรงงานที่มีความชัดเจนขึ้นมาประกอบอยู่ร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงผลของการใช้แรงงานดังกล่าว ที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้มีความสอดคล้องเป็นไปตรงตามรายละเอียดพื้นฐานบางประการ โดยไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัวออกมารองรับ หรือเมื่อมีการใช้แรงงานเป็นไปอย่างจำนวนมากมายเหลือเฟือสำหรับบางลักษณะงานที่ควรถูกปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานแรงงานชั่วคราว ยกเว้นในสภาพที่ธรรมชาติของการปฏิบัติงานเช่นนั้น ได้ถูกกำหนดหรือระบุไว้อย่างชัดเจนเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น หรือต้องมีสภาพที่สอดคล้องเป็นไปตรงตามลักษณะของฤดูกาลเป็นเรื่องสำคัญ
        - ควรดำเนินการให้มีการจัดทำรายละเอียดที่เหมาะสมขึ้นมารองรับสำหรับการปรากฏเป็นคำประกาศ หรือมีการแจ้งความเป็นการล่วงหน้า โดยอาศัยการสื่อสารสารสนเทศออกมา หรือให้ดำเนินเป็นไปตรงตามช่วงระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และในขณะที่มีตัวแทนคนงานปรากฏสภาพของการทำงานอยู่ร่วมด้วยเช่นนั้น องค์การจึงควรทำการพิจารณาลักษณะความเชื่อมโยงกันในเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด เพื่อมุ่งหวังผลต่อการบรรเทา หรือช่วยแบ่งเบาสภาพลงมาสำหรับผลกระทบด้านลบทั้งหลายที่อาจสามารถเกิดขึ้นมาให้เห็นได้ในระดับที่สูง โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสภาพของการปฏิบัติงานขึ้นมาอย่างทันทีทันใดในการปฏิบัติงานครั้งนั้น และด้วยเหตุผลประการสำคัญก็เพื่อต้องการปิดหรือลดสภาพของผลกระทบเช่นนั้น ซึ่งมีผลต่อสภาพของการจ้างงานอยู่เป็นส่วนใหญ่ [107] [108]
          - ควรก่อให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาในเรื่องของการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับคนงานทุกคน และต้องไม่มีการแบ่งแยก การกีดกันหรือส่อให้เห็นถึงผลของความแตกต่างขึ้นมาทั้งเป็นผลโดยตรง หรือทางอ้อมสำหรับวิธีการปฏิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ซึ่งครอบคลุมไปถึงรายละเอียดพื้นฐานในเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศ อายุ สัญชาติหรือแหล่งกำเนิดระดับชาติ ชาติพันธุ์หรือแหล่งกำเนิดทางสังคม วรรณะ สถานภาพการสมรส นิเทศทางเพศ ความพิกลพิการทางร่างการ สภานะทางสุขภาพ เช่น HIV/AIDS หรือสัมพันธภาพทางการเมือง เป็นต้น
        - ไม่ควรแสดงผลของการผูกมัดตนเองโดยอาศัยอำนาจพลการที่เป็นไปตามอำเภอใจ หรือมีการกระทำในลักษณะที่เป็นการกล่าวหา การไล่ออกไปเพื่อให้พ้นสภาพของการจ้างงาน โดยอาศัยวิธีการปฏิบัติแบบแบ่งแยก กีดกันหรือส่อให้เห็นถึงผลความแตกต่างออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน [107] [108]
          - ควรทำการปกป้องและคุ้มครองในรายละเอียดที่ปรากฏออกมาเป็นข้อมูลส่วนตน หรือความลับทุกประการของคนงานทั้งหลาย [52]
          - ควรทำสัญญาเพิ่มเติมขึ้นมาในกรณีที่มีความต้องการว่าจ้างงานจากองค์การ/ หน่วยงานภายนอกอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องแสดงผลของการยอมรับในรายละเอียดที่เป็นความสอดคล้องทางกฎหมาย หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีระดับความสามารถ และมีความเต็มใจเป็นอย่างยิ่งต่อการแสดงความรับผิดชอบในสภาพของความเป็นนายจ้างสำหรับองค์การแห่งนั้นได้โดยตรง และยังอาจครอบคลุมรวมไปถึงต้องมีการจัดหาเงื่อนไขของการทำงานในลักษณะที่เป็นไปอย่างเหมาะสมขึ้นมาอีกร่วมด้วย นอกจากนี้องค์การจะต้องไม่ใช้ประโยชน์จากการปฏิบัติงานดังกล่าว โดยอาศัยคนกลางที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารแต่เพียงประการเดียว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นส่วนที่ไม่ถูกยอมรับผลของการปฏิบัติด้านกฎหมาย และรวมไปถึงวิธีการจัดเตรียมงานในด้านอื่นๆ สำหรับการทำงานขึ้นมาในแต่ละครั้งเช่นนั้น ก็จะต้องไม่ได้รับประโยชน์จากสิทธิทางกฎหมายเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่ทำหน้าที่ปฏิบัติงานในฐานะที่เป็นคนกลางเหล่านี้อีกเช่นกัน [58, 59] สำหรับคนงานที่ปฏิบัติงานอยู่กับบ้าน ก็จำเป็นจะต้องได้รับการปฏิบัติในระดับที่ไม่มีความเลวร้ายเกิดขึ้นมากไปกว่าผู้ปฏิบัติด้านแรงงานในลักษณะกลุ่มอื่นๆ [68] จากผลที่เกิดขึ้นมาอย่างสืบเนื่องดังกล่าวเหล่านั้นทั้งหมด องค์การจึงควรดำเนินการออกมาอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งนี้เพื่อต้องการยืนยันว่า องค์การ/ หน่วยงานภายนอกอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสัญญาครั้งนั้น ขอยกตัวอย่าง เช่น คู่ค้า/ ผู้ส่งมอบ และผู้รับจ้างช่วงแต่ละราย เป็นต้น ล้วนต้องปรากฏเป็นองค์การที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะการปฏิบัติด้านแรงงานที่เกี่ยวข้องเหล่านั้น ควรมีความต้องการเกิดขึ้นอยู่ร่วมด้วยว่า ในทุกลักษณะงานที่ถูกกระทำขึ้นมาในแต่ละครั้ง จะต้องปรากฏรายละเอียดที่มีความสอดคล้อง และเป็นไปอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกรอบการทำงานทางกฎหมาย หรือกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ให้ในระดับสถาบันเป็นเรื่องสำคัญ
        - ไม่ควรได้รับผลประโยชน์เป็นการตอบแทนขึ้นมาจากการกระทำที่มีลักษณะของความไม่ยุติธรรม และเป็นการเสาะแสวงหาผลประโยชน์เข้าส่วนตนเอง หรือเป็นการละเมิดผลการปฏิบัติด้านแรงงานสำหรับหุ้นส่วน คู่ค้า/ ผู้ส่งมอบ ผู้รับจ้างช่วง และครอบคลุมลงไปถึงคนงานที่ปฏิบัติงานอยู่กับบ้านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องอยู่โดยตรง ดังนั้นองค์การแห่งหนึ่งๆ จึงควรใช้ความพยายามในลักษณะที่เป็นความสมเหตุสมผล ทั้งนี้เพื่อช่วยกระตุ้นทำให้องค์การประเภทต่างๆ ที่พบอยู่ภายใต้ขอบเขตของบรรยากาศที่มีอิทธิพล หรือเมื่อปรากฏอยู่ภายในคุณค่าแห่งสายโซ่เช่นนั้นแล้ว ล้วนจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบติดตามมาสำหรับการปฏิบัติด้านแรงงานทั้งหลาย โดยอาศัยการยอมรับเป็นเบื้องต้นว่า การแสดงอิทธิพลออกมาในระดับที่สูงเช่นนั้น ล้วนจะมีส่วนส่งเสริมต่อการตอบสนองขึ้นมาในระดับที่สูงสำหรับการแสดงความรับผิดชอบที่จะต้องปฏิบัติหรือกระทำ และจะมีผลเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างอิทธิพลดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาได้ตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และอิทธิพลเช่นนั้นปรากฏผลอยู่ร่วมด้วยแล้ว องค์การจึงควรใช้ความพยายามด้วยความสมเหตุสมผลทั้งหมด ต่อการกำหนด การจัดตั้งหรือมีการระบุถึงลักษณะความรับผิดชอบเพิ่มเติมขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยอาจบรรจุเข้าไปเป็นเนื้อหารายละเอียดส่วนหนึ่งอยู่ภายในข้อผูกมัดทางสัญญาต่อคู่ค้า/ ผู้ส่งมอบ และผู้รับจ้างช่วง หรืออาจใช้ประโยชน์จากวิธีการเข้าไปแวะเยี่ยมเยียนโดยไม่มีการกำหนดนัดหมายเป็นการล่วงหน้า และอาจอาศัยจากวิธีการตรวจสอบ หรือมีการจัดเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เป็นไปได้สำหรับการให้คำปรึกษาที่มีเงื่อนไขถูกกำหนดไว้ให้ตรงกับรายละเอียดของการปฏิบัติงานขึ้นมาอย่างแท้จริง ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่ดีต่อผู้รับสัญญาหรือคนกลางจากองค์การภายนอก สำหรับในกรณีที่คู่ค้า/ ผู้ส่งมอบ และผู้รับจ้างช่วงเหล่านั้น ถูกคาดหวังว่า จะต้องมีการปฏิบัติงาน เพื่อให้มีความสอดคล้องเข้ากับข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับการปฏิบัติด้านแรงงานเช่นนั้น สิ่งที่ควรพิจารณาในลำดับต่อมาก็คือ รายละเอียดของข้อกำหนดทางกฎหมายเช่นนั้น จะต้องแสดงความสอดคล้องเข้ากับ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และต้องครอบคลุมรวมไปถึงหลักการประการอื่นๆ ที่ถูกระบุไว้แล้วอย่างชัดเจนอยู่ภายในมาตรฐานแรงงานขององค์การ ILO (ทั้งนี้อาจพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากหัวข้อกำหนดย่อยที่ 5.2.3 ทั้งนี้เพื่อต้องการแสดงถึงผลของความรับผิดชอบเหล่านั้น เมื่อตกอยู่ภายใต้ปัจจัยหรือขอบเขตของบรรยากาศที่มีอิทธิพลได้อีกด้วย) และ
        - ในเมื่อการปฏิบัติงานด้านแรงงานเช่นนั้น ถูกกระทำขึ้นมาในสภาพที่เป็นระดับนานาชาติ ทั้งนี้ด้วยการใช้ความพยายามอย่างแรงกล้า เพื่อต้องการยกระดับให้เพิ่มขึ้นสำหรับการจ้างงาน และการพัฒนาอาชีพ ซึ่งจัดถือได้ว่า มีส่วนช่วยสนับสนุน และเป็นการสร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นสำหรับชาติที่ทำหน้าที่ในการเป็นแหล่งผลิตหรืองานบริการก็ตาม รายละเอียดของการปฏิบัติงานดังกล่าว จะต้องครอบคลุมลงไปถึงเรื่องของการรับเหมาช่วง และการกระจายของสินค้า โดยผ่านช่องทางของการทำงานจากวิสาหกิจประจำท้องถิ่นที่เป็นผู้ดำเนินการขึ้นมาโดยตรงก็ได้อีกเช่นกัน [74]
6.4.4 Labor practices issue 2: Conditions of work and social protection
6.4.4.1 Description of the issues
Conditions of work include wages and other forms of compensation, working time, rest periods, holidays, disciplinary and dismissal practices, maternity protection and welfare issues such as safe drinking sanitation, canteens and access to medical services. Many of the conditions of work are set by national laws and regulations or by legally binding agreements between those for whom work is performed and those who perform work. The employer determines many of the conditions of work.
Conditions of work greatly affect the quality of the life of workers and their families and also economic and social development. Fair and appropriate consideration should be given to the quality of conditions of work.
Social protection refers to all legal guarantees and organizational policies and practices to mitigate the reduction or loss of income in case of employment injury, illness, maternity, parenthood, old age, unemployment, disability or any other financial hardship and to provide medical care and family benefit. Social protection plays an important role in preserving human dignity and establishing a sense of fairness and social justice. Generally, the primary responsibility for social protection lies with the state.

6.4.4.2 Related actions and/or expectations
An organization should:
- ensure that the conditions of work comply with national laws and regulations and are consistent with applicable international labor standards;
- respect higher levels of provision established through other applicable legally binding instruments such as collective agreements;
- observe at least those minimum provisions defined in international labor standards as established by the ILO, especially where national legislation has not yet been adopted;
- provide conditions of work in respect of wages [83] [84] [97] [98], hours of work [61] [65] [66] [85] [86] [102], weekly rest holidays [63] [64] [109] [110] [111], health and safety; maternity protection [76] [77] [106], and ability to combine work with family responsibilities [114] [115];
- wherever possible, allow observance of national or religious traditions and customs;
- provide conditions of work for all workers that permit, to the greatest extent possible, work-life balance and are comparable with those offered by similar employers in the locality concerned [74];
- provide wages and other forms of remuneration in accordance with national law, regulations or collective agreement. An organization should pay wages at least adequate for the needs of workers and their families. In doing so, it should take into account the general level of wages in the country, the cost of living, social security benefits, and the relative living standards of other social groups. It should also consider economic factors, including requirements of economic development, levels of productivity and the desirability of attaining and maintaining a high level of employment. In determining wages and working conditions that reflect these considerations, an organization should bargain collectively with its workers or their representatives, in particular trade unions, where they so wish; in accordance with national systems for collective bargaining [74] [103];
- provide equal pay for work of equal value [57] [58];
- pay wages directly to the workers concerned, subject only to any restrictions or deductions permitted by laws, regulations or collective agreement; [97] [98] [99];
- comply with any obligations concerning the provision of social protection for workers in the country of operation [74];
- respect the right of workers to adhere to normal or agreed working hours established in law, regulations or collective agreements. It should also provide workers with weekly rest and paid annual leave [63] [64] [109] [110];
- respect the family responsibilities of workers by providing reasonable working hours, parental leave and, when possible, childcare and other facilities that can help workers achieve a proper work-life balance; and
- compensate workers for overtime in accordance with laws, regulations or collective agreements. When requesting workers to work overtime, an organization should take into account the interests, safety and well-being of the workers concerned and any hazards inherent in the work. An organization should comply with laws and regulations prohibiting mandatory and non-compensated overtime [83] [84] [97] [98] [99], and always respect the basic human rights of workers concerning forced labor [60].
คำอธิบาย
6.4.4 การปฏิบัติด้านแรงงานประเด็นที่ 2: เงื่อนไขของการทำงาน และการปกป้องคุ้มครองทางสังคม
6.4.4.1 คำอธิบายสำหรับประเด็นนี้
          เงื่อนไขของการทำงานจะครอบคลุมรายละเอียดลงไปถึงค่าจ้างที่ได้รับ และในรูปแบบอื่นๆ ของเงินที่ปรากฏออกมาเป็นค่าชดเชย ระยะเวลาของการทำงาน ช่วงระยะเวลาของการหยุดพัก จำนวนวันหยุดงาน การปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับระเบียบวินัย และการพ้นสภาพจากการจ้างงาน การช่วยปกป้องคุ้มครองความเป็นแม่/ การมีบุตร และสวัสดิการประเภทต่างๆ ที่ได้รับขึ้นมาอยู่โดยตรง เช่น การมีน้ำดื่มที่สะอาดและถูกสุขลักษณะ ห้องอาหาร และการเข้าถึงงานบริการทางสาธารณสุขในด้านต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้รายละเอียดส่วนใหญ่ของเงื่อนไขการทำงานเช่นนั้น ยังถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยอาศัยกฎหมายประจำชาติ และข้อกำหนดประการต่างๆ หรือได้รับขึ้นมาจากการเป็นข้อตกลงร่วมกัน หรือมีความเชื่อมโยงเข้าด้วยกันทางกฎหมายระหว่างองค์การต่างๆ ที่ต้องการให้มีผลของการทำงานเกิดขึ้น และยังแสดงความเกี่ยวข้องกับรายละเอียดของตัวบุคคล หรือกลุ่มที่ต้องการปฏิบัติงานเช่นนั้นออกมาได้โดยตรง ดังนั้นนายจ้างจึงนับว่า เป็นผู้หนึ่งที่ยังคงมีบทบาทประการสำคัญต่อการกำหนดเงื่อนไขการทำงานต่างๆ ขึ้นมาภายในองค์การได้แทบทั้งสิ้น
          เงื่อนไขของการทำงานเช่นนั้น สามารถส่งผลกระทบขึ้นมาอย่างใหญ่หลวงต่อการกำหนดคุณภาพชีวิตของคนงานและครอบครัวได้เป็นอย่างดี และในขณะเดียวกันยังส่งผลกระทบขั้นพื้นฐานต่อการพัฒนาสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมได้อีกประการหนึ่งร่วมด้วย ดังนั้นรายละเอียดของข้อกำหนดที่ควรพิจารณาในลักษณะที่เต็มเปี่ยมเป็นไปด้วยความความยุติธรรม หรือแสดงความเหมาะสมขึ้นมาโดยตรง จึงมีส่วนต่อการปรากฏออกมา ซึ่งระดับคุณภาพสำหรับการเป็นเงื่อนไขของการทำงานสำหรับองค์การแต่ละแห่งเป็นเรื่องสำคัญ
        ส่วนในเรื่องของการปกป้องคุ้มครองทางสังคม จะเป็นการอ้างอิงไปถึงรายละเอียดประการต่างๆ เพื่อเป็นการรับประกันทางกฎหมาย การกำหนดนโยบายขององค์การ และครอบคลุมรวมไปถึงวิธีการปฏิบัติงานในลักษณะต่างๆ ที่ถูกดำเนินการขึ้นมาตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อต้องการช่วยเหลือหรือบรรเทาสำหรับสภาพที่ลดลง หรือเมื่อมีการสูญเสียระดับรายได้เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของการเกิดความบาดเจ็บที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการจ้างงาน ความเจ็บไข้ได้ป่วย การระบุชี้บ่งถึงความเป็นแม่และความเป็นพ่อแม่ ความชราภาพ สภาพการว่างงาน ความพิกลพิการทางร่างกาย หรือเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความยากลำบากด้านการเงิน และการได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพส่วนตนเอง หรือผลประโยชน์ที่ได้รับโดยตรงขึ้นมาในระดับครอบครัว เป็นต้น ดังนั้นการปกป้องคุ้มครองทางสังคมเช่นนี้ จึงแสดงบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงรักษาไว้ ซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติยศของความเป็นมนุษย์ และอาจก่อให้เกิดระดับความรู้สึกที่ดีขึ้นมาในส่วนของการได้รับความถูกต้อง และยุติธรรมทางสังคมเกิดขึ้นอีกร่วมด้วย แต่ทั้งนี้รายละเอียดโดยทั่วๆ ไปเช่นนั้น ยังจัดถือได้ว่า เป็นสาระขั้นพื้นฐานที่สำคัญ แต่ไม่จำกัดที่ชี้เฉพาะเจาะจงลงไปว่า จะต้องเป็นผลของความสอดคล้องที่แสดงถึงความรับผิดชอบออกมาโดยตรงจากทางภาครัฐแต่ประการใดทั้งสิ้น

6.4.4.2 วิธีปฏิบัติ และ/ หรือความคาดหวังที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้
          องค์การควรปฏิบัติ ดังนี้
          - ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่า ลักษณะเงื่อนไขของการทำงานดังกล่าว ย่อมแสดงผลของความสอดคล้องเข้ากับรายละเอียดของกฎหมายประจำชาติ กฎเกณฑ์ต่างๆ และอย่างน้อยมีความเป็นไปได้ในลักษณะที่สอดคล้องเข้ากับมาตรฐานแรงงานระดับนาชาติที่เกี่ยวข้อง หรือใช้ประโยชน์อยู่โดยตรงอีกด้วย
        - แสดงความเคารพนับถือในระดับสูงต่อรายละเอียดบทบัญญัติ/ ข้อกำหนดต่างๆ ร่วมกัน โดยอาจจะปรากฏออกมาเป็นข้อตกลง หรือเครื่องมือในลักษณะต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อการเชื่อมโยงเข้ากับผลการปฏิบัติงานทางกฎหมายได้เป็นอย่างดี
        - มีการเฝ้าสังเกตอย่างน้อยสำหรับการปฏิบัติงาน เพื่อให้แสดงผลของความสอดคล้องเป็นไปตรงตามรายละเอียดขั้นต่ำของบทบัญญัติ/ ข้อกำหนดประการต่างๆ ที่ได้ถูกระบุไว้แล้วอย่างชัดเจนอยู่ภายในมาตรฐานแรงงานระดับนานาชาติขององค์การ ILO โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกร่วมด้วยว่า ไม่ได้มีการระบุเรื่องดังกล่าวไว้เป็นลายลักษณ์อักษรออกมาอย่างชัดเจน โดยต้องการเพื่อให้มีผลเป็นไปตรงตามรายละเอียดของกฎหมายประจำชาติที่กำหนดไว้เป็นประการสำคัญ
        - จัดให้มีเงื่อนไขของการทำงานขึ้นมาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะมีการมุ่งเน้น และแสดงความเคารพนับถือในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับค่าจ้างที่ได้รับ [83] [84] [97] [98] จำนวนชั่วโมงของการทำงาน [61] [65] [66] [85] [86] [102] จำนวนวันหยุดพักผ่อนประจำสัปดาห์ และวันหยุด [63] [64] [109] [110] [111] สุขภาพและความปลอดภัย การปกป้องคุ้มครองความเป็นแม่ [76] [77] [106] และระดับความสามารถในการรวบรวมการทำงานเข้ากับการแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัว [114] [115]
        - ในทางปฏิบัติที่เป็นไปได้นั้น ควรมีการอนุญาต หรือจัดให้มีการเฝ้าสังเกตเกิดขึ้นทั้งในระดับนานาชาติ หรือเมื่อมีผลของความสอดคล้องถูกดำเนินเป็นไปได้ทางขนบธรรมเนียมประเพณี และศาสนา เป็นต้น
        - จัดให้มีเงื่อนไขของการทำงานบางประการที่ดีขึ้นมา สำหรับทุกรายของผู้ปฏิบัติงานหรือคนงาน โดยต้องปรากฏให้มีการอนุญาตในระดับของความเป็นไปได้เกิดขึ้นสูงสุด หรือเป็นไปในลักษณะที่สามารถเปรียบเทียบในรายละเอียดเข้ากับเงื่อนไขประการต่างๆ ที่ถูกนำเสนอขึ้นมาจากกลุ่มนายจ้างอื่นๆ ที่มีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้การเป็นข้อพิจารณาในระดับท้องถิ่นแห่งนั้นๆ [74] และยังสามารถกระทำเพื่อให้บรรลุถึงสภาพความเป็นสมดุลของชีวิตการทำงานอย่างได้ผลที่ดีเกิดขึ้นมาตามลำดับ
        - กำหนดและจัดให้มีค่าจ้างที่สามารถดำเนินเป็นไปได้อย่างดีที่สุด รวมไปถึงรูปแบบของรางวัลตอบแทน หรือสินน้ำใจของการทำงานในลักษณะอื่นๆ ที่มีความสอดคล้องเข้ากับกฎหมายประจำชาติ กฎเกณฑ์ และวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสมต่อไป ขอยกตัวอย่าง เช่น รายละเอียดต่างๆ ซึ่งถูกระบุไว้อย่างชัดเจนเช่นนั้น ซึ่งอาจได้รับขึ้นมาจากผลของการประชุม/ การเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นหมู่คณะ เป็นต้น ดังนั้นองค์การแห่งหนึ่งๆ จึงควรมีการจ่ายค่าจ้างในระดับอย่างน้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อให้มีความพอเพียงเกิดขึ้นกับความต้องการของคนงานและครอบครัวของตน ในการปฏิบัติเช่นนั้น ยังต้องคำนึงถึงรายละเอียดโดยทั่วๆ ไปที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดระดับค่าจ้างที่เกิดขึ้นภายในประเทศ ค่าครองชีพ ผลประโยชน์ด้านความมั่นคงทางสังคม และระดับมาตรฐานการดำรงชีพสัมพัทธ์ของกลุ่มทางสังคมอื่นๆ นอกจากนี้ยังควรทำการพิจารณาในเรื่องปัจจัยทางเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมไปถึงความต้องการของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ระดับของผลิตภาพ ความปรารถนาของการสามารถบรรลุถึงผลดังกล่าวได้ และการดำรงรักษาไว้ซึ่งผลของการจ้างงานในระดับที่สูงอีกประการหนึ่งร่วมด้วยเสมอ เพราะฉะนั้นในการประเมิน หรือกำหนดค่าจ้าง และเงื่อนไขการทำงานต่างๆ ซึ่งสามารถสะท้อนให้เห็นถึงรายละเอียดที่เป็นข้อควรพิจารณาที่สำคัญเช่นนั้น องค์การจึงควรอาศัยแนวทางของการประชุม หรือการมีการเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนกับคนงานทั้งหมด หรือในระดับที่เป็นตัวแทน โดยเฉพาะอาจเกี่ยวเนื่องกับความเป็นสหภาพทางการค้าร่วมด้วยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ได้มาซึ่งรายละเอียดทุกประการที่เป็นความปรารถนาเหล่านั้น หรือเมื่อปรากฏออกมาเป็นผลที่เกี่ยวข้อง หรือมีความสอดคล้องโดยตรงเกิดขั้นได้ในระดับประจำชาติสำหรับการเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนได้ต่อไปตามลำดับ [74] [103]
          - กำหนดให้มีการจ่ายค่าจ้างเกิดขึ้น และดำเนินเป็นไปอย่างเท่าเทียมกันสำหรับงาน ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความมีคุณค่าขึ้นมาได้อย่างเท่าเทียมกันอีกด้วย [57] [58]
          - ทำการจ่ายค่าจ้างให้โดยตรงกับคนงานที่ปฏิบัติงาน และ/ หรือเมื่อมีความเกี่ยวข้องเข้ากับข้อจำกัดต่างๆ หรืออาจเป็นการพิจารณาเหตุผลมาจากหลักทั่วๆไป ซึ่งได้มีการอนุญาตไว้ทางกฎหมาย กฎเกณฑ์ประการต่างๆ หรือเมื่อเป็นผลที่ได้รับขึ้นมาจากการประชุม/ การเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นหมู่คณะก็ได้อีกเช่นกัน [97] [98] [99]
          - มีการยอมรับและคำนึงถึงกันอยู่เสมอว่า ภายใต้บริบทของประเทศที่องค์การกำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนั้นๆ และถ้าปรากฏเป็นข้อผูกมัดที่แสดงถึงความเกี่ยวข้องร่วมกันเข้ากับรายละเอียดของบทบัญญัติ/ ข้อกำหนดเพื่อการปกป้องคุ้มครองทางสังคมสำหรับคนงานแล้ว ก็ควรดำเนินการปฏิบัติให้มีผลของความสอดคล้องเป็นไปตรงตามรายละเอียดข้อผูกมัดเหล่านั้นเป็นประการสำคัญ [74]
        - มีความเคารพนับถือต่อสิทธิของคนงานทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยอาศัยการแสดงความยึดมั่นเข้ากับข้อตกลงร่วมกันในเรื่องจำนวนชั่วโมงของการทำงานในระดับปรกติ ซึ่งถูกกำหนดไว้เป็นผลขึ้นมาทางกฎหมาย กฎเกณฑ์ หรือได้รับขึ้นมาจากรายละเอียดของข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว ดังนั้นภายใต้เหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม ยังควรกำหนดให้คนงานได้รับการหยุดประจำสัปดาห์อย่างน้อยเป็นระยะเวลาหนึ่งวันสำหรับการปฏิบัติงานในทุกๆ 7 วัน และยังต้องได้รับการจ่ายค่าจ้างเพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับการลาพักงานประจำปี ซึ่งถูกกำหนดไว้ให้เป็นอย่างต่ำ [63] [64] [109] [110]
        - มีความเคารพนับถือในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการแสดงผลความรับผิดชอบสำหรับครอบครัวของคนงาน โดยกำหนดให้มีจำนวนชั่วโมงทำงาน การขออนุญาตลางานในระดับพ่อแม่ที่เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางปฏิบัตินั้น สมควรมีการกำหนดให้มีการเลี้ยงดูแลเด็กเล็กเป็นการเพิ่มเติม และอาจครอบคลุมรายละเอียดรวมไปถึงการจัดให้มีสิ่งเอื้ออำนวยความสะดวกประเภทต่างๆ ขึ้นมารองรับ โดยทั้งนี้จะต้องมีส่วนช่วยเหลือทำให้คนงาน สามารถบรรลุถึงการมีความสมดุลในการดำรงชีพของตนเองได้อย่างเหมาะสมต่อไป
          - มีการจ่ายค่าชดเชยขึ้นมาสำหรับคนงานที่ปฏิบัติงานล่วงเวลา ทั้งนี้เพื่อให้มีความสอดคล้องเข้ากับรายละเอียดของกฎหมายประจำชาติ กฎเกณฑ์ หรือการเจรจาตกลงร่วมกันที่มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน และการปฏิบัติต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อมีการร้องขอให้คนงานทำงานล่วงเวลาเช่นนั้น องค์การจึงควรมีการพิจารณาร่วมด้วยในเรื่องของสิทธิผลประโยชน์ที่ได้รับ ลักษณะความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับกลุ่มคนงานที่ต้องปฏิบัติ หรือให้ความสนใจเป็นพิเศษ หรือมีความเกี่ยวข้อง และยังรวมไปถึงลักษณะความเป็นอันตรายประการต่างๆ ที่อาจเป็นผลสืบเนื่องติดตามมาจากการปฏิบัติงานเหล่านั้นอีกร่วมด้วย นอกจากนี้องค์การควรแสดงความเคารพนับถือหรือการปฏิบัติให้สอดคล้องต่อกฎหมาย และรายละเอียดของกฎเกณฑ์อื่นๆ ที่มีลักษณะไม่เป็นข้อบังคับ หรืออาจมีผลยับยั้งต่อการจ่ายค่าชดเชยขึ้นมาสำหรับการปฏิบัติงานนอกเวลา [83] [84] [97] [98] [99] และยังต้องแสดงความเคารพนับถืออย่างสม่ำเสมอ สำหรับรายละเอียดในเรื่องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของคนงาน ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงาน [60] เหล่านั้นอยู่โดยตรง
6.4.5 Labor practices issue 3: Social dialogue
6.4.5.1 Description of the issues

Social dialogue includes all types of negotiation, consultation or exchange of information between or among representatives of governments, employers and workers, on matters of common interest relating to economic and social concerns. It could take place between employer and worker representatives, on matters affecting their interests, and could also include governments, where broader factors, such as legislation and national social policy, are at stake.

Independent parties are required for social dialogue. Worker representatives should be freely elected, in accordance with national laws, regulations or collective agreements, by either the members of their trade union or by the workers concerned. They should not be designated by the government or the employer.  At the level of the organization, social dialogue takes various forms including information and consultation mechanisms (such as works councils) and collective bargaining. Trade unions and employers' organizations, as the chosen representatives of the respective parties, have a particularly important role to play in social dialogue.

Social dialogue is based on the recognition that employers and workers have both competing and mutual interests, and in many countries plays a significant role in industrial relations, policy formulation and governance.

Effective social dialogue provides a mechanism for developing policy and finding solutions that take into account the priorities and needs of both employer and workers, and thus results in outcomes that are meaningful and long-lasting for both the organization and society. Social dialogue can contribute to establishing participation and democratic principles in the workplace, to better understanding between the organization and those who perform its work and to healthy labor-management relations, thus minimizing resort to costly industrial disputes. Social dialogue is a powerful means for managing change. It can be used to design skills development programs contributing to human development and enhancing productivity, or to minimize the adverse social impacts of change in the operations of organizations. Social dialogue could also include transparency on social conditions of subcontractors.

Social dialogue can take many forms and can occur at various levels. Workers may wish to form groups with a broader occupational, inter-occupational or geographical coverage. Employers and workers are in the best position to decide jointly the most appropriate level. One way to do this is by adopting framework agreements supplemented by local organization-level agreements in accordance with national law or practice.

At times, social dialogue may address contentious issues, in which case the parties can establish a dispute resolution process. Social dialogue can also concern grievances for which a complaints mechanism is important, particularly in countries where the fundamental principles and rights at work are not adequately protected. Such a grievance mechanism may also apply to a subcontracted workforce.

International social dialogue is a growing trend, and includes regional and global dialogue and agreements between organizations operating internationally and international trade union organizations.

6.4.5.2 Related actions and expectations

An organization should [53] [59] [113]:
- recognize the importance for organizations of social dialogue institutions, including at the international level. and applicable collective bargaining structures;
- respect at all times the right of workers to form or join their own organizations to advance their interests or to bargain collectively;
- not obstruct workers who seek to form or join their own organizations and to bargain collectively, for instance by dismissing or discriminating against them, through reprisals or by making any direct or indirect threat so as to create an atmosphere of intimidation or fear;
- where changes in operations would have major employment impacts, provide reasonable notice to the appropriate government authorities and representatives of the workers so that the implications may be examined jointly to mitigate any adverse impact to the greatest possible extent;
- as far as possible, and to the extent that is reasonable and non-disruptive, provide duly designated worker representatives with access to authorized decision makers, to workplaces, to the workers they represent, to facilities necessary to perform their role and to information that will allow them to have a true and fair picture of the organization's finances and activities; and
-  refrain from encouraging governments to restrict the exercise of the internationally recognized rights of freedom of association and collective bargaining. For example, organizations should avoid locating a subsidiary or sourcing from companies located in specialized industrial zones where freedom of association is restricted or prohibited, even if national regulation recognizes that right, and they should refrain from participating in incentive schemes based on such restrictions.

Organizations may also wish to consider participating, as appropriate, in employers’ organizations as a means of creating opportunities for social dialogue and extending their expression of social responsibility through such channels;

คำอธิบาย
6.4.5 การปฏิบัติด้านแรงงานประเด็นที่ 3: การพบปะ/ การเจรจาหารือทางสังคม
6.4.5.1 คำอธิบายสำหรับประเด็นนี้
          การพบปะหรือการเจรจาหารือทางสังคม จะครอบคลุมรายละเอียดในทุกประเภทของการเจรจาต่อรองร่วมกัน วิธีการและลักษณะของการให้คำปรึกษา หรือเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยนสารสนเทศในระหว่าง หรือภายในกลุ่มตัวแทนที่มาจากภาครัฐบาล นายจ้าง และคนงาน ในเรื่องของการมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งแสดงความเกี่ยวข้องกับประเด็นทางเศรษฐกิจและสังคมอยู่เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังอาจสามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างนายจ้าง และตัวแทนของคนงานสำหรับการเจรจาในเรื่องหรือเนื้อหา/ สาระที่มีผลกระทบต่อลักษณะความเป็นผลประโยชน์เหล่านั้นอยู่โดยตรง และยังอาจครอบคลุมรายละเอียดรวมไปถึงภาครัฐบาลได้อีกประการหนึ่งด้วย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้ขอบเขตของประเด็นที่ต้องมีการเจรจาหารือร่วมกัน ในลักษณะที่มีรายละเอียดที่กว้างขวางครอบคลุมเป็นอย่างมาก เช่น การปฏิบัติในด้านนิติบัญญัติ และนโยบายทางสังคมประจำชาติแห่งนั้น เป็นต้น
        การพบปะ/ การเจรจาหารือทางสังคม ล้วนต้องการกลุ่มบุคคล หรือลักษณะของหน่วยงานที่แสดงความเป็นอิสระในการปฏิบัติงานแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะตัวแทนในภาคคนงานที่แท้จริง ล้วนจำเป็นต้องได้รับการออกเสียงในการเลือกตั้งที่มีความเป็นอิสระสูง มีคุณลักษณะที่แสดงผลของความสอดคล้องเข้ากับกฎหมายประจำชาติ กฎเกณฑ์หรือรายละเอียดประการอื่นๆ ที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ยังต้องปรากฏสภาพอย่างหนึ่งอย่างใดในการเป็นสมาชิกของกลุ่ม/ สหภาพ/ สมาคมการค้า หรือเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับการพิจารณาของคนงานเหล่านั้นอยู่โดยตรง นอกจากนี้จะต้องไม่ดำรงสภาพ หรือแสดงบทบาทของการเป็นปัจเจกบุคคล/ แต่ละรายบุคคล ซึ่งถูกกำหนดขึ้นมาจากทางภาครัฐบาลหรือนายจ้างอยู่ด้วยก็ตาม เพราฉะนั้นในระดับขององค์การ วิธีการเจรจาหารือทางสังคมเช่นนั้น จึงปรากฏให้พบเห็นอยู่ได้ในหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งครอบคลุมรายละเอียดรวมไปถึงแหล่งสารสนเทศที่เกี่ยวข้องในระดับวิสาหกิจ และการเป็นกลไกประเภทหนึ่งของการให้คำปรึกษาหารือร่วมกันในลักษณะต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (เช่น สภาแรงงาน) และยังปรากฏผลออกมาเป็นเรื่องของการเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนได้โดยตรง นอกจากนี้สหภาพ/ สมาคมการค้า และองค์การที่เกี่ยวข้องกับนายจ้าง ซึ่งถือว่า มีลักษณะเป็นตัวแทนที่ผ่านการถูกคัดเลือกขึ้นมาด้วยองค์การทั้งหลายเหล่านี้ ค่อนข้างจะแสดงบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการพบปะ หรือการเจรจาหารือทางสังคมดังกล่าว
        การพบปะ/ การเจรจาหารือทางสังคม ล้วนอาศัยยึดถืออยู่บนพื้นฐานของการยอมรับในสภาพที่ว่า นายจ้างและคนงาน ต่างก็มีบทบาทที่สำคัญทั้งในเรื่องของการแข่งขัน และการมีผลประโยชน์อยู่ร่วมกันโดยตรง และในหลายประเทศนั้น ยังแสดงบทบาทอย่างมีนัยสำคัญยิ่งต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดเป็นผลอย่างชัดเจนที่ดีขึ้นมา ทั้งในระดับภาคหรือส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเช่นนั้นอยู่โดยตรง หรือในระดับของการกำหนดรายละเอียดในเชิงนโยบาย และอาจเป็นการสร้างระบบธรรมาภิบาลขึ้นมาภายในประเทศต่างๆ ได้อีกประการหนึ่งร่วมด้วย
        การพบปะ/ การเจรจาหารือทางสังคมที่มีประสิทธิภาพ จึงย่อมปรากฏออกมาเป็นกลไกส่วนหนึ่งของการพัฒนาในเชิงนโยบาย และยังเป็นการค้นหาช่องทางสำหรับการมุ่งเน้นเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณารายละเอียดในเรื่องลำดับของความสำคัญ และระดับความจำเป็นที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของนายจ้าง คนงาน และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นติดตามมาก็คือ การปรากฏความหมายที่ชัดเจน และเป็นการสร้างความยั่งยืนขึ้นมาทั้งองค์การและสังคมได้โดยตรง วิธีการพบปะเจรจาหารือทางสังคมเช่นนี้ จึงมีส่วนแบ่งปัน หรือช่วยเกื้อหนุนต่อการเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วม และการแสดงถึงหลักการของความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นภายในสถานที่ทำงาน มีการเสริมสร้างความเข้าใจให้เพิ่มมากขึ้นระหว่างองค์การ และผู้ที่ทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานภายใต้ลักษณะต่างๆ กัน และยังเป็นเรื่องของการสร้างความสมบูรณ์ต่อการช่วยยกระดับความสัมพันธ์ของการจัดการแรงงานสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดเป็นผลติดตามขึ้นมาได้ ซึ่งทั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยวิธีการดังกล่าว เพื่อช่วยลดผลกระทบบางประการที่มีสถานะเป็นข้อโต้แย้งสำหรับการดำเนินงานทางวิชาชีพนั้นๆ ในลักษณะที่เป็นต้นทุนที่สูงมากลงมาได้ตามลำดับ ดังนั้นการเจรจาหารือทางสังคมดังกล่าว จึงปรากฏออกมาเป็นแนวทางที่มีพลังอำนาจเป็นอย่างสูงสำหรับการบริหารและจัดการการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย และยังควรถูกนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการวางแผนงาน เพื่อมุ่งเน้นในเรื่องการจัดทำโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะขึ้นมาได้โดยตรง และมีส่วนเกื้อหนุน แบ่งปันต่อการพัฒนามนุษย์ และการเร่งเสริมสร้างผลิตภาพ หรือสามารถช่วยลดผลกระทบทางสังคมเชิงลบประการต่างๆ ให้อยู่ในระดับที่ลดต่ำลงมาได้ตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติงานต่างๆ ขององค์การแห่งนั้นเป็นประการสำคัญ นอกจากนี้การเจรจาหารือทางสังคมยังครอบคลุมไปถึงเรื่องของความโปร่งใส ที่มีรายละเอียดของความเกี่ยวข้องเมื่อปรากฏออกมาเป็นเงื่อนไขทางสังคมประการหนึ่งสำหรับคู่ค้า หรือผู้รับจ้างช่วงขององค์การแห่งนั้นอยู่โดยตรง
        การพบปะเจรจาหารือทางสังคม สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ และยังเกิดขึ้นได้ในหลายระดับ โดยเฉพาะในระดับคนงานนั้น ส่วนใหญ่มีความปรารถนาที่ตรงกันเป็นอย่างยิ่งสำหรับการจัดตั้งกลุ่มของตนขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ครอบคลุมรายละเอียดเป็นไปอย่างอย่างกว้างขวางในหลายสาขาวิชาชีพ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับนานาชาติ หรือเมื่อแสดงผลของความสอดคล้องเป็นไปตรงตามขอบเขตที่แสดงถึงความสำคัญตามลักษณะของพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น นอกจากนี้นายจ้างและคนงาน ยังปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการตัดสินใจร่วมกัน เพื่อช่วยกระตุ้นก่อให้เกิดผลที่ดีขึ้นมาได้มากที่สุด โดยเฉพาะช่องทางประการหนึ่งที่สมควรกระทำ ก็คือ โดยอาศัยการยอมรับแนวทางข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับกรอบของการปฏิบัติที่ถูกกำหนดออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนและเป็นทางการ หรือเมื่อมีการครอบคลุมรายละเอียดอย่างกว้างๆ ขึ้นมาก่อนเป็นเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการสนับสนุนจากข้อตกลงประการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในระดับองค์การท้องถิ่น (ทั้งนี้รายละเอียดดังกล่าวต้องแสดงผลชองความสอดคล้องเข้ากับแนวทางของความเป็นกฎหมายประจำชาติ หรือวิธีการปฏิบัติที่ดี เป็นต้น) อยู่ร่วมด้วยก็สามารถกระทำได้อีกเช่นกัน
        วิธีการพบปะเจรจาหารือทางสังคมที่กระทำขึ้นมาภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ อาจมีการกำหนดรายละเอียดประเด็นต่างๆ ออกมาในลักษณะที่เป็นเรื่องที่สามารถโต้แย้งกันได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ทุกกลุ่ม/ ส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่โดยตรง สามารถทำการจัดตั้ง หรือดำเนินการกระบวนการต่างๆ เพื่อค้นหาแนวทางสำหรับแก้ไขปัญหาข้อโต้แย้งเหล่านั้นให้หมดสิ้นลงไปได้โดยตรง ดังนั้นการพบปะเจรจาหารือทางสังคมส่วนใหญ่ จึงสามารถทำการพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องข้อขัดข้องใจทั้งหลาย ซึ่งถือว่า มีลักษณะเป็นกลไกส่วนหนึ่งของการรับคำร้องเรียน/ คำบ่นที่สำคัญมากอีกประการหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่มีการแสดงถึงผลว่า การปฏิบัติตามหลักการพื้นฐาน และสิทธิในการทำงานเหล่านั้น ได้ถูกละเมิด หรือเมื่อไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างเพียงพอและมีความจริงจังเกิดขึ้นอยู่เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้รายละเอียดที่ปรากฏผลออกมาเป็นกลไกส่วนหนึ่งในเรื่องของการแก้ไขปัญหาข้อโต้แย้งประการต่างๆ เช่นนั้น ยังอาจนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์สำหรับการปฏิบัติงานที่แสดงความเกี่ยวข้องกับคู่ค้า หรือผู้รับจ้างช่วงขององค์การแห่งนั้นก็ได้อีกเช่นกัน
        ส่วนในเรื่องของการพบปะ/ การเจรจาหารือทางสังคมที่เกิดขึ้นในระดับนานาชาตินั้น ก็กำลังปรากฏเป็นแนวโน้มที่มีความสำคัญเพิ่มมากยิ่งขึ้นตามลำดับ โดยทั้งนี้จะมีการระบุรายละเอียดดังกล่าวเข้าไปในการประชุมระดับภูมิภาค และการเจรจาในระดับโลก รวมถึงเมื่อมีการปรากฏผลออกมาเป็นข้อตกลงประการต่างๆ ระหว่างองค์การที่ปฏิบัติงานอยู่ในระดับนานาชาติ และองค์การระดับนานาชาติที่มีสถานะเป็นสหภาพ หรือสมาคมการค้าต่างๆ อีกด้วย
 
การเจรจาหารือทางสังคมที่ดำเนินการขึ้นมาในลักษณะไตรภาคีของคณะกรรมการร่วมยุโรป (European Commission) จะมีผลช่วยส่งเสริมทำให้ลูกจ้าง/ นายจ้าง/ ภาครัฐบาล ได้พัฒนาความสัมพันธ์ทางแรงงานที่มั่นคง มีการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และสามารถตอบสนองต่อความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดระยะเวลา

6.4.5.2 วิธีปฏิบัติ และ/ หรือความคาดหวังที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้
          องค์การควรปฏิบัติ ดังนี้ [53] [59] [113]
          - มีการยอมรับ และคำนึงถึงความสำคัญสำหรับองค์การแห่งนั้น ที่ควรจะต้องมีเรื่องของการพบปะ/ การเจรจาหารือทางสังคมเกิดขึ้นในระดับสถาบัน ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการกำหนดรายละเอียดโครงสร้างของการเจรจาต่อรองร่วมกัน ที่มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อนสำหรับองค์การในระดับนานาชาติขึ้นมาได้เป็นอย่างดี
          - ต้องแสดงความเคารพ และนับถือตลอดระยะเวลา ในเรื่องของการมีสิทธิของคนงานต่อการจัดตั้ง หรือการรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มสำหรับองค์การของตนเอง ทั้งนี้เพื่อควบคุมความก้าวหน้าของการทำงาน หรือการช่วยปกป้องคุมครองผลประโยชน์ของตนเอง หรือเพื่อมุ่งหวังทำการเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนด้วยกันทั้งหมด
          - ต้องไม่ขัดขวางหรือปรากฏเป็นอุปสรรคต่อคนงานทั้งหลาย ซึ่งมีความต้องการที่แท้จริงในการกำหนด หรือการรวมตัวกันเข้าเป็นองค์การของตนเอง ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์สำหรับการเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนอยู่ด้วยกันทั้งหมด โดยอาศัยการกระทำต่างๆ เช่น การไล่ออกจากงาน หรือเมื่อเป็นการแสดงข้อกีดกัน เพื่อก่อให้เห็นถึงผลความแตกต่างขึ้นมาต่อคนงานทั้งหลาย รวมไปถึงการกระทำที่เป็นการคุกคาม/ ข่มขู่ การแก้แค้น ทั้งที่เป็นผลทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อต้องการสร้างบรรยากาศ หรือสภาพการณ์ที่เป็นความกลัวเกิดขึ้นให้เห็นเป็นผลติดตามมา
          - ในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติงานบางประการเกิดขึ้นมา ซึ่งได้แสดงผลกระทบต่อสภาพของการจ้างงานเป็นอย่างมากนั้น องค์การควรทำการชี้แจง หรือให้รายละเอียดเป็นไปอย่างเหมาะสมด้วยเหตุและผลต่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ภาครัฐบาลได้รับทราบ รวมไปถึงตัวแทนของกลุ่มคนงานเหล่านั้นอีกด้วย ทั้งนี้ยังจำเป็นจะต้องมีการแสดงนัย หรือสามารถอธิบายได้ว่า มีวิธีการปฏิบัติบางประการได้ถูกระบุ หรือกำหนดออกมาเป็นการเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อต้องการบรรเทาสภาพของผลกระทบเชิงลบทั้งหลายให้เกิดขึ้นได้ในระดับที่ต่ำที่สุดต่อไป
        - ในทางปฏิบัติเท่าที่จะเป็นไปได้ และเมื่ออยู่ภายใต้ขอบเขตที่มีความเหมาะสมบางประการ หรือไม่อยู่ในสภาพของการแตกแยกเกิดขึ้นเป็นอย่างมากนั้น องค์การจำเป็นต้องจัดเตรียมให้มีขึ้นมาสำหรับตัวแทนของคนงานทั้งหลาย ซึ่งมีลักษณะของความสอดคล้องเป็นไปตรงตามวาระที่ถูกวางแผนหรือกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยสามารถเข้าถึง/ การรับรู้ผลการตัดสินใจของผู้บริหารองค์การ การเข้าถึงลักษณะสถานที่ทำงาน และตัวแทนคนงานที่ได้รับมอบหมายหน้าที่เหล่านั้น ให้เห็นเป็นผลออกมาได้อย่างแจ่มชัดตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อต้องการช่วยเอื้ออำนวยให้มีการปฏิบัติงาน สามารถดำเนินเป็นไปได้อย่างเหมาะสมตรงตามขอบเขตแห่งบทบาทหน้าที่ และเพื่อให้ได้รับขึ้นมาสำหรับการใช้ประโยชน์จากแหล่งสารสนเทศต่างๆ ซึ่งจะเป็นการช่วยเปิดโอกาสให้คนงานเหล่านั้น ได้รับรู้ถึงสภาพที่แท้จริง ระดับผลของความถูกต้องสำหรับสถานภาพด้านการเงินขององค์การ และกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติงานอยู่ร่วมกันทั้งหมด
        - ต้องไม่มีส่วนกระตุ้นหรือสนับสนุนให้ภาครัฐบาล เข้ามาแสดงบทบาทต่อการการกระทำในลักษณะที่เป็นการระงับยับยั้งใดๆ ต่อการดำเนินกิจกรรมขึ้นมาของคนงาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการยอมรับหรือตระหนักถึงสิทธิในระดับนานาชาติสำหรับการมีเสรีภาพในการรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นกลุ่ม/ สมาคม และสามารถกำหนดการเจรจาต่อรองร่วมกันในลักษณะที่เป็นกลุ่มก้อนทั้งหมด ขอยกตัวอย่าง เช่น องค์การควรหลีกเลี่ยงต่อการกำหนดรายละเอียดปลีกย่อยบางประการขึ้นมาเป็นการเพิ่มเติม สำหรับบริษัทต่างๆ ที่ทำหน้าที่หรือแสดงบทบาทเกี่ยวข้องกับองค์การแห่งนั้น โดยปรากฏทำงานอยู่ในเขตพื้นที่หรือระดับท้องถิ่น เป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อรายละเอียดของความมีเสรีภาพในการรวมตัวเข้าด้วยกันถูกจำกัด หรือถูกระงับยับยั้งไว้ไม่ให้สามารถกระทำขึ้นมาได้ตามลำดับ และยังอาจครอบคลุมรวมไปถึงต้องไม่มีส่วนร่วมในการสร้างแรงจูงใจประการใดๆ ก็ตาม ให้เกิดขึ้น ซึ่งยึดถืออยู่บนพื้นฐานของการกำหนดบทบาท เพื่อแสดงการระงับยับยั้งต่อสิทธิดังกล่าวเหล่านั้นอยู่โดยตรง
        องค์การเองอาจมีความปรารถนาที่จะทำการพิจารณาถึงการเข้ามามีส่วนร่วมที่ดำเนินเป็นไปอย่างเหมาะสม ในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสำหรับองค์การของนายจ้าง โดยอาศัยแนวทางของการสร้างสรรค์โอกาสให้มีขึ้นมาสำหรับการเจรจาพบปะหารือกันทางสังคม และสามารถทำการขยายผลของการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมเช่นนั้นออกไป โดยอาศัยผ่านช่องทางประการอื่นๆ ได้อีกประการหนึ่งด้วย
 XXXXXXXX
 
 
 
 
 
 
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น